ระบบบ้านหายใจได้ ระบบบ้านเย็น
SCG Active AIRflow™
![SCG Active AIRflow™ System Share](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-share-640x335.jpg)
ระบบหมุนเวียนถ่ายเทอากาศในบ้าน SCG Active AIRflow™ System หรือที่เรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ระบบบ้านหายใจได้” เป็นระบบที่เหมาะสำหรับ คนที่กำลังประสบกับปัญหาบ้านร้อน เป็นการร้อนแบบอบอ้าว ชนิดที่เรียกว่า อยู่อาศัยกันภายใน แม้ว่าจะเปิดพัดลมแล้วก็ยังเหงื่อจะไหลไคลจะย้อยกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน อากาศภายในบ้านก็ยังคงร้อนอบอ้าวอยู่ดี
อากาศร้อนในลักษณะนี้จะร้อนยาวไปจนถึงช่วงเวลากลางคืนพอแดดร่มลมตก เพราะถึงแม้ว่าอากาศภายนอกบ้านจะเย็นลง (อุณหภูมิต่ำลง ↓) แต่อุณหภูมิภายในบ้านก็ยังคงสูงอยู่ดี แบบนี้หมายความว่าอากาศภายในบ้านเรานั้น อยู่ในสภาวะที่ไม่ถ่ายเท ไม่มีการหมุนเวียนถ่ายเทอากาศในบ้าน แถมอุณหภูมิที่สะสมอยู่ตามผนังบ้าน หรือใต้หลังคา (เหนือฝ้าเพดานใต้หลังคา ชั้นบนสุด) ก็จะคลายความร้อนที่สะสมเอาไว้ตั้งแต่ตอนกลางวัน ออกมาตอนกลางคืนนั่นเอง
เนื่องจากรีวิวฉบับนี้ค่อนข้างยาว จึงมีเมนูลัด (Shortcut) ที่ให้คุณได้สามารถเข้าถึงเนื้อหาส่วนต่างๆ ของรีวิวนี้ได้สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
- รู้จักกับปัญหาบ้านร้อน ปัญหาที่ไม่มีวันรู้ ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเอง
- ระบบบ้านหายใจได้ SCG Active AIRflow™ ถ่ายเทอากาศจากล่างสู่บน
- ขั้นตอนการติดตั้งระบบ
- การใช้งานระบบ รุ่น Premium
- หลังติดตั้ง และใช้งานระบบ รุ่น Premium
- บทสรุปการใช้งานระบบ (ข้อดี และ ข้อเสีย)
อ่านตรงนี้ก่อนที่จะไปกันต่อ
“บทความรีวิวการติดตั้ง ผลลัพธ์ระหว่างก่อนและหลังติดตั้ง ระบบบ้านหายใจได้ SCG Active AIRflow™ เป็นการติดตั้งโดยความต้องการส่วนตัวของผมเอง และเสียเงินติดตั้งเอง เนื่องจากบ้านร้อนจริงๆ”
รู้จักกับปัญหาบ้านร้อน ปัญหาที่ไม่มีวันรู้ ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเอง
![HTC-2 Digital Thermometer and Hygrometer](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/03/htc-2-digital-thermometer-and-hygrometer-640x427.jpg)
สืบเนื่องมาจากได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดี่ยว 2 ชั้นได้ไม่นาน ก็รู้สึกว่าบ้านค่อนข้างที่จะร้อนมากๆ จากเดิมที่เคยพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมมาก่อน ถ้าเทียบในเวลาเดียวกัน ในห้องคอมพิวเตอร์ อย่างเช่นตอน 2 ทุ่ม อุณหภูมิที่คอนโดมิเนียม ในห้องโถง (วางคอมพิวเตอร์ในห้องโถง) อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 30-31 องศาเซลเซียส* แต่ถ้าอยู่ในห้องทำงาน (ชั้น 2) อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 34-35 องศาเซลเซียส* จะสังเกตเห็นว่าแตกต่างค่อนข้างมาก
ส่งผลให้จำเป็นต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาบ้านร้อนโดยด่วน เพราะถ้าปล่อยเอาไว้นานๆ จะส่งผลไม่ดีแก่ร่างกาย และข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านของเราเป็นแน่
หมายเหตุ* : ปัจจัยทั้ง 2 กรณีนี้พูดถึง เป็นการทดสอบในหน้าร้อน ไม่ได้เปิดแอร์ แต่เปิดพัดลมและปิดหน้าต่างทั้งคู่
ข้อเสียของบ้านร้อนคืออะไร ?
![Table Surface Disintegration from High Temperature Environment](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/03/table-surface-disintegration-from-high-temperature-environment-640x427.jpg)
นอกจากที่ผู้อยู่อาศัยในบ้านเองจะรู้สึกร้อนอบอ้าว ไม่สบายเนื้อสบายตัวแล้ว ความร้อนและความชื้น ยังส่งผลกระทบอีกมากมายต่อข้างของเครื่องใช้ภายในบ้าน รวมไปถึงอาหารการกินของคุณ จากที่ประสบพบเจอมาด้วยตัวเอง ก็มีประมาณนี้คือ
- เครื่องใช้ไฟฟ้าที่หุ้มด้วยวัสดุยางบางชิ้น จะเริ่มเหนียว เวลาใช้มือจับบางครั้งจะเหนียวติดมือ และสุดท้ายจะหลุดร่อนออกมา (บางชิ้นถือว่าเสียของกันไปเลย)
- สายไฟ หรือสายนำสัญญาณต่างๆ ก็จะมีความเหนียวเช่นเดียวกัน
- เครื่องสำอาง ยา หรือวิตามินต่างๆ จะเสื่อมอายุเร็วขึ้น (หมดอายุก่อนเวลาอันควร)
- ผลไม้ต่าง ที่วางข้างนอก ก็จะสุกเร็วขึ้น
- กาวที่สันหนังสือเสื่อมสภาพ ส่งผลให้หนังสือตำรา (Textbook) ต่างๆ หลุดร่อนออกมาเป็นแผ่นๆ
- กาวงานไม้ และเฟอร์นิเจอร์อย่างเช่น งานปิดผิวเฟอร์นิเจอร์ด้วยแผ่นลามิเนต เริ่มเสื่อมสภาพ ร่อนออกมา
- เฟอร์นิเจอร์ขึ้นรา อันเนื่องมาจากความชื้นสัมพัทธ์ที่สูง (มีปริมาณน้ำในอากาศมาก) โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระหว่างและหลังฝนตก ถูกสะสมอยู่ในบ้านหรือในห้องเป็นเวลานานๆ และไม่ได้รับการถ่ายเท
- เสื้อผ้ามีโอกาสขึ้นราได้เช่นกัน (จะเห็นชัดมากๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้าสีอ่อนๆ)
- และปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างสั้นๆ ของผลกระทบที่เกิดจากบ้านร้อน และไม่มีอากาศถ่ายเท จะเห็นได้ว่ามีข้อเสียอยู่มากมายจริงๆ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการแก้ไขสิ่งของอย่างอื่น (ที่ไม่ได้กล่าวมาข้างต้น) ก็จะมีปัญหาตามมาอีกแน่นอน
ทำไมบ้านถึงร้อน และมีการแก้ปัญหาบ้านร้อนอะไรไปแล้วบ้าง ?
เมื่อเห็นปัญหามากมายขนาดนี้ จึงเริ่มหาสาเหตุของบ้านตัวเองที่ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน โดยมีสรุปมาได้ 3 ข้อหลักๆ ด้วยกันก็คือ
![Double Brick Wall House](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/03/double-brick-wall-house-640x640.jpg)
- ไม่มีต้นไม้ใหญ่รอบๆ บ้านเลย เนื่องจากพื้นที่รอบๆ บ้านค่อนข้างแคบ มีพื้นที่จำกัด ขณะที่ต้นไม้ใหญ่จากบ้านหลังอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ก็อยู่นอกรัศมีการบดบังแสงแดดในบ้าน
- โถงบันไดมีขนาดเล็กมากและไม่มีช่องทางระบายอากาศออกไป โดยตามหลักธรรมชาติคือ อากาศร้อนจากข้างล่าง (ชั้นหนึ่ง) จะลอยขึ้นข้างบน (ชั้นสอง) ผ่านทางโถงบันได (เวลาเดินขึ้นบันไดจากชั้นหนึ่งมายังชั้นสอง สามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน)
- ใช้อิฐมอญ (อิฐแดง) ในการในการก่อผนังบ้าน ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ว่าอิฐมอญเป็นอิฐที่สะสมความร้อนไว้ค่อนข้างมาก แถมก่อผนังอิฐมอญไว้ 2 ชั้นอีกต่างหาก (ซึ่งนอกจากมันจะกันความร้อนเข้ามาภายในตัวบ้านได้แล้ว ยังกันความร้อนออกนอกตัวบ้านได้อีกด้วยเช่นกัน)
ในขณะที่การป้องกันปัญหาบ้านร้อน ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้
- แผ่นสะท้อนความร้อน Ultra Cool ของ SCG ที่ติดตั้งใต้แผ่นกระเบื้องหลังคาบ้าน
- แผ่นฝ้าชายคาระบายอากาศ ของ SCG ถูกติดตั้งใต้หลังคาส่วนที่ยื่นออกมานอกบ้าน ลักษณะจะเป็นรูเล็กๆ ให้อากาศระบายได้ (แต่ป้องกันแมลง ไม่ให้เข้าไปภายใน)
- ไม้ระแนง Conwood ปิดตรงหลังคาระเบียงบนชั้น 2 (แต่ลงมาหน่อยเดียว ถ้าปิดทึบเลยก็ไม่สวย)
- ติดฟิล์มกันร้อนบ้านแบบมืด 80% (ติดตั้งเอง)
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ อุณหภูมิภายในบ้านก็ยังคงสูงอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืน เพราะความร้อนถูกสะสมอยู่เหนือฝ้าเพดานใต้หลังคา และผนังบ้าน (ที่ก่อด้วยอิฐมอญ) กันมาตั้งแต่ช่วงเวลากลางวัน และความร้อนก็ถูกคลายออกมาตอนกลางคืนใน ส่งผลให้ร้อนทั้งกลางวัน และกลางคืน
ทำไมไม่เปิดแอร์ให้ห้องเย็น หรือเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ?
อาจจะมีหลายๆ คนที่ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เปิดแอร์ หรือเปิดประตูหน้าต่างบ้านให้อากาศถ่ายเท เรื่องนี้จริงๆ คิดอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ส่วนตัวก็มีเหตุผลดังต่อไปนี้
- การเปิดแอร์ : จริงอยู่ว่าการเปิดแอร์ จะทำให้ห้องเย็นสบายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ข้อเสียมันคือพื้นที่มันก็จำกัดบริเวณได้แค่ห้องๆ เดียว และความเย็นก็ไม่ได้ถูกแผ่กระจายไปทั้งหลัง คนที่อยู่นอกห้องที่เปิดแอร์ ก็ร้อนเหมือนเดิม มิหนำซ้ำถ้าเราอาศัยอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ถ้าเดินออกมาข้างนอกและกลับเข้าไปใหม่บ่อยๆ ก็เสี่ยงต่อการปวดหัวหรือเป็นไข้อีก เพราะเจอทั้งอากาศร้อน และอากาศเย็น ในเวลาใกล้เคียงกัน หรือถ้าใครคิดว่าก็เปิดแอร์ทุกห้อง หรือติดแอร์เครื่องใหญ่ให้ครอบคลุมบ้านทั้งหลังสิ ค่าไฟก็แพงกระฉูด กระเป๋าสตางค์ฉีกอย่างแน่นอน
- การเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท : เรื่องนี้จริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ในยุคสมัยนี้การเปิดประตูหน้าต่างทิ้งเอาไว้ ในเวลาที่ไม่อยู่บ้านก็ถือเป็นเรื่องอันตราย เดี๋ยวโจรขโมยอาจจะเข้าบ้านได้ง่าย เพราะโจทย์คือ ต้องการให้อากาศในบ้านถ่ายเทตลอดเวลา (แม้ขณะที่อยู่หรือไม่อยู่บ้าน) แถมบ้านยังอยู่ใจกลางเมืองอีกด้วย และไหนจะเรื่องของฝุ่นละอองจากมลพิษที่อยู่ภายนอกบ้าน ที่จะเข้ามาเป็นจำนวนมากอีกด้วย
สุดท้ายพยายามหาวิธีแก้ปัญหาบ้านร้อนที่ยั่งยืน
![SCG Active AIRflow™ System Featured Image](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-featured-image-640x420.jpg)
จากการหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจากหลายๆ แหล่ง และหลายๆ ความคิดเห็น ก็เห็นพ้องตรงกันว่า การแก้ปัญหาบ้านร้อนที่ได้ผลควรจะต้องให้ตัวบ้านมีอากาศถ่ายเท ถ้าอากาศไม่ถ่ายเท ก็ไม่มีประโยชน์เลย
ด้วยเหตุนี้เอง ตอนแรกจึงมีแนวคิดที่จะเจาะกำแพงหรือหน้าต่าง เพื่อติดตั้งพัดลมระบายอากาศ ให้อากาศจากภายในออกสู่ภายนอก แต่สุดท้ายก็มาทราบอีกว่า การระบายอากาศร้อนควรจะเป็นการระบายในแนวตั้ง (จากข้างล่างขึ้นสู่ข้างบน) มากกว่าที่จะเป็นแนวนอน เพราะอากาศร้อนจะลอยขึ้นข้างบน เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
หลังจากนั้นจึงเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับพัดลมดูดระบายอากาศติดเพดาน เพื่อสนับสนุนข้อมูลที่อ้างอิงจากหลักธรรมชาติ แต่สุดท้ายก็พบปัญหาต่อว่า แม้ว่าเราจะติดตั้งพัดลมระบายอากาศติดเพดานไปแล้วก็จริง แต่เมื่ออากาศถูกดูดขึ้นไปแล้ว ก็ยังหาที่ระบายออกไปไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าจะใช้แผ่นฝ้าชายคาระบายอากาศแล้วก็ตาม และสุดท้ายมันก็จะวนเวียนอยู่ใต้หลังคาอยู่นั่นแหละ กลายเป็นความร้อนสะสมแผ่กลับลงทางฝ้าเพดานใต้หลังคา เข้ามาในบ้านอีกครั้ง
รู้จักกับ ระบบบ้านหายใจได้ SCG Active AIRflow™ ถ่ายเทอากาศจากล่างสู่บน
![SCG Active AIRflow™ System Showroom at Crystal Design Center](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-showroom-at-crystal-design-center-640x427.jpg)
สุดท้ายก็มาเจอกับระบบบ้านหายใจได้ SCG Active AIRflow™ ของ SCG ซึ่งมาจากการค้นหาใน Google นี่แหละ ก็ได้นั่งศึกษาคลิปวีดีโอของเขาหลายๆ ตัว ก็ทำให้เข้าใจระบบมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เข้าใจแบบถ่องแท้อยู่ดี จนกระทั่งตัดสินใจเข้าไปคุยและดูบ้านจำลองที่ SCG Experience เป็นตึกสร้างโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ประตูทางเข้าออกที่ 2 ของ CDC (Crystal Design Center) เลียบทางด่วนรามอินทรา
หลักการการทำงานของระบบ SCG Active AIRflow™
![SCG Active AIRflow™ System Banner](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-banner-640x204.jpg)
ระบบนี้เป็นระบบที่ทำมาส่งเสริม และสนับสนุนหลักธรรมชาติที่ได้กล่าวไปข้างต้นไว้ว่า “อากาศร้อนจะลอยจากข้างล่าง (ชั้นหนึ่ง) ขึ้นสู่ข้างบน (ชั้นสอง)” โดยระบบนี้จะมีอุปกรณ์ประมาณมาช่วยดูดอากาศจากชั้นล่างผ่านทางช่องเติมอากาศขึ้นมาทางโถงบันได ทะลุขึ้นไปเหนือฝ้าเพดานใต้หลังคา (ผ่าน พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได) และจากเพดานออกทางหลังคา (ผ่าน พัดลมระบายอากาศบนหลังคา) เพื่อนำอากาศจากนอกบ้านให้ไหลเวียนจากชั้นล่างขึ้นสู่ชั้นบน ที่มีอากาศร้อนอยู่แล้วให้ลอยออกไปนอกบ้านด้วยความรวดเร็ว
ใครที่จะสามารถติดระบบ SCG Active AIRflow™ ได้ ?
การติดตั้งระบบบ้านหายใจได้ SCG Active AIRflow นั้นไม่ใช่มีเงินอย่างเดียวแล้วจะติดตั้งได้ (อาจจะพูดเว่อร์ไปหน่อย แต่ก็มีส่วนที่จริงอยู่เหมือนกัน) สาเหตุเพราะว่าตัวบ้านที่จะติดตั้งระบบนี้ จะต้องใช้แผ่นกระเบื้องหลังคาของทาง SCG ในรุ่นที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งรุ่นที่สามารถติดตั้งระบบนี้ได้ก็จะมี …
- หลังคาคอนกรีต SCG รุ่น Prestige
- หลังคาคอนกรีต SCG รุ่น Neustile แบบ Modern
- หลังคาเซรามิค SCG รุ่น Excella แบบ Classic/ Grace/ Modern
- หลังคาเซรามิค SCG รุ่น Celica แบบ Curve
- หลังคาคอนกรีต CPAC รุ่น Elabana
- หลังคาคอนกรีต CPAC รุ่น Centurion
หมายเหตุ : ข้อมูลดังกล่าวนำมาจากเว็บไซต์ aaf.scgbuildingmaterials.com (อนาคตอาจมีการอัพเดทเรื่อยๆ)
ระบบ SCG Active AIRflow™ มีทั้งหมดกี่รุ่น และมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ?
ด้านล่างนี้เป็นตารางเปรียบเทียบของรุ่นของระบบบ้านหายใจได้ SCG Active AIRflow™ ว่ามีแบบไหน และแต่ละแบบต่างกันอย่างไรบ้าง
ชื่ออุปกรณ์ (Equipment Name) |
รุ่น Smart |
รุ่น Premium |
รุ่น Premium + แผงโซล่าเซลล์ |
ช่องเติมอากาศ* (Intake Air Grille) |
✔ | ||
พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได* (Ceiling Ventilator – CV) |
✔ | ||
พัดลมระบายอากาศบนหลังคา* (Solar Roof Tile Ventilator – SRTV) |
✔ | ||
วัสดุของปล่องระบายอากาศบนหลังคา (Ventilation Chimney Material) |
เหล็กชุบกันสนิม | สเตนเลส | |
แผงโซล่าเซลล์บนหลังคา (Solar Panel on the Roof) |
✕ | ✕ | ✔ |
กล่องควบคุมอัจฉริยะ ควบคุมผ่านแอปฯ (Smart Control Box – Control via Mobile App) |
✕ | ✔ | ✔ |
หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ (Smart Display) |
✔ | ✕ | ✕ |
เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายนอกบ้าน (Ambient Temperature Sensor) |
✕ | ✔ | ✔ |
เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิใต้หลังคา (Attic Temperature Sensor) |
✔ | ✔ | ✔ |
เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายในบ้าน (Indoor Temperature Sensor) |
✔ | ✔ | ✔ |
ระดับราคา (Price Level) |
ถูกสุด | ปานกลาง | แพงสุด |
หมายเหตุ : ถ้าติดตั้งรุ่น Premium (รุ่นราคาระดับปานกลาง) เราจะสามารถอัพเกรดไปติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ทีหลังได้ แต่ถ้าติดตั้งรุ่น Smart (รุ่นราคาถูกสุด) ไปแล้วจะมาติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ทีหลังไม่ได้แล้ว
1. Intake Air Grille (ช่องเติมอากาศ)
ช่องเติมอากาศ เป็นช่องที่ให้อากาศไหลเข้ามาภายในตัวบ้าน จะถูกติดตั้งอยู่ในบริเวณชั้นล่าง ในตำแหน่งพื้นที่มีลม ไม่ถูกบดบังด้วยอาคารอื่นๆ ที่อยู่รอบนอก โดยส่วนมากจะอยู่ในฝั่งที่ไม่โดนแดด (หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อาจจะอยู่ในฝั่งที่โดนแดด แต่มีอะไรบังเช่น กันสาด ไม้ระแนง ฯลฯ)
ช่องเติมอากาศนี้วัสดุทำมาจากพลาสติก จะแบ่งออกเป็น 2 ชิ้น (ภายนอกชิ้นนึง และภายในอีกชิ้นนึง) โดยส่วนของภายนอกจะมีตะแกรงกันแมลง (ลักษณะคล้ายๆ กับมุ้งลวด) ขณะที่ส่วนของภายในจะมีแผ่นกรองอากาศ (คล้ายกับแผ่นกรองอากาศเครื่องแอร์) (ไม่ใช่ แผ่นกรองอากาศ HEPA นะ)
2. Ceiling Ventilator – CV (พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได)
![SCG Active AIRflow™ System Ceiling Ventilator](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-ceiling-ventilator-640x427.jpg)
อุปกรณ์ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันอากาศให้ออกไปจากบ้านในเวลาอันรวดเร็ว นั่นก็คือพัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือ พัดลมดูดระบายอากาศติดเพดาน (Ceiling Type Ventilation Fan) ชนิด ไม่ต่อท่อระบายอากาศ ดีๆ นี่เอง โดยระบบที่เขานำมาติดตั้งคือ พัดลมดูดระบายอากาศติดเพดาน MITSUBISHI รุ่น EX-25SC5T (ขนาด 10 นิ้ว) ที่จำหน่ายตามท้องตลาดดีๆ นี่เอง โดยจากการคำนวณพื้นที่บ้านและปัจจัยอื่นๆ เขาให้มา 2 ตัว (รายละเอียดการประเมินราคาเบื้องต้นของ ระบบ SCG Active AIRflow™)
สาเหตุที่ต้องใช้พัดลมชนิดไม่ต่อท่อระบายอากาศนั้น เพราะว่าระบบนี้ต้องการให้อากาศเย็นขึ้นไปกระจายตัวบนฝ้าเพดานใต้หลังคา ก่อนที่จะถูกดูดออกไปข้างนอกบ้านด้วยพัดลมระบายอากาศบนหลังคา (SRTV) เพื่อไม่ให้พื้นที่ใต้หลังคาร้อนอบอ้าวจนเกินไป
![SCG Active AIRflow™ System Ceiling Ventilator Installed](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-ceiling-ventilator-installed-640x427.jpg)
กล่าวคือจุดประสงค์หลักๆ ของระบบนี้ต้องการให้มีอากาศถ่ายเท ไม่ใช่การระบายกลิ่น หรือระบายความชื้นต่างๆ (จริงๆ ก็ช่วยระบายเพราะเป็นผลพลอยได้ ที่เกิดขึ้นหลังการติดตั้ง)
แต่ถ้าเราต้องการที่จะติดพัดลมระบายอากาศ เพื่อดูดความชื้นจริงๆ (ตามห้องน้ำ) จะต้องต่อท่อระบายอากาศตรงออกไปข้างนอกอาคารเลย มิเช่นนั้นความชื้นที่ถูกดูดขึ้นไป อาจสร้างความเสียหายให้กับวัสดุต่างๆ ที่อยู่ภายในพื้นที่ใต้หลังคาได้
3. Solar Roof Tile Ventilator – SRTV (พัดลมระบายอากาศบนหลังคา)
ตัวนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบบ้านหายใจได้ เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่ออากาศถูกดูดขึ้นไปบนพื้นที่ใต้หลังคาแล้ว ตัวพัดลมระบายอากาศบนหลังคา จะมีหน้าที่ดูดลมต่อให้ออกไปนอกบ้านโดยทันที ไม่ให้อากาศร้อนหมุนเวียนอยู่ภายในบ้านอีก
ทาง SCG เขาให้พัดลมยี่ห้อ SANYODENKI (ซันโยเดนกิ) รุ่น San Ace 172* จากประญี่ปุ่นมาให้ โดยจะถูกสวมอยู่ในปล่องระบายอากาศ (Ventilation Chimney) และวางครอบอยู่บน แผ่นกระเบื้องหลังคาที่ถูกผลิตขึ้นมาเฉพาะระบบ SCG Active AIRflow™ นี้เท่านั้น โดยจะเป็นแผ่นกระเบื้องของหลังคาเฉพาะรุ่น ที่ถูกเจาะเป็นปล่องระบายอากาศเพื่อให้พัดลมระบายอากาศบนหลังคาพร้อมปล่อง มาสวมครอบไปได้พอดิบพอดี
ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องน้ำรั่วซึมจากบนหลังคา เพราะกระเบื้องที่นำมาใช้ เป็นแผ่นกระเบื้องใหม่ตรงรุ่น และถูกผลิตขึ้นมาเฉพาะกับระบบนี้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการนำเอา แผ่นกระเบื้องเก่ามาเจาะเพื่อทำปล่องระบายอากาศ แบบนั้นจะเสี่ยงต่อการรั่วซึมเป็นอย่างมาก
![SCG Active AIRflow™ System SRTV After Assembly Graphic](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/03/scg-active-airflow-system-srtv-after-assembly-graphic-640x384.jpg)
และสำหรับวัสดุของปล่องระบายอากาศบนหลังคาระหว่างรุ่น Smart และ Premium จะแตกต่างกันคือ
- รุ่น Smart : เหล็กชุบกันสนิม จะมีรอยต่อของการเชื่อมต่อ
- รุ่น Premium : สเตนเลส วัสดุจะเนียนเป็นเนื้อเดียวกันและปราศจากสนิม ทนแดดและทนฝน
หมายเหตุ* : อัตรากินไฟสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 27 วัตต์ (ประมาณ 0.14 แอมป์) โดยชุดที่ติดตั้งที่บ้านเขาให้มาทั้งสิ้น 4 ชุดด้วยกัน (จำนวนขึ้นอยู่กับการประเมินราคา)
4. Solar Panel on the Roof (แผงโซล่าเซลล์บนหลังคา)
![SCG Active AIRflow™ System Solar Panel on the Roof](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-solar-panel-on-the-roof-640x320.jpg)
จะถูกติดตั้งบนหลังคาฝั่งทิศตะวันตก หรือทิศใต้ ยึดติดด้วยอุปกรณ์ยึดแผงโซล่าเซลล์กับแผ่นกระเบื้องของ SCG เท่านั้น (เรียกว่า Solar Fix) เพื่อจ่ายไฟโดยตรงไปยัง พัดลมระบายอากาศบนหลังคา (SRTV) เท่านั้น (แต่พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได ยังคงใช้ไฟบ้านเหมือนเดิม) (ไม่มีรูปประกอบ เพราะไม่ได้ติดตั้ง)
5. Smart Control Box (กล่องควบคุมอัจฉริยะ)
![SCG Active AIRflow™ System Smart Control Box](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-smart-control-box-640x427.jpg)
กล่องควบคุมอัจฉริยะขนาดมิติ กว้าง (W) 233 x ยาว (L) 77 x สูง (H) 290 มิลลิเมตร ถูกติดตั้งอยู่ด้านบนของผนังบ้านชั้น 2 ที่มุมขวาบนของกล่องเขียนข้อความว่า “SCG Living Tech” และด้านล่างเขียนว่า “Active AIRflow™ System” พร้อมเบรกเกอร์ฝังอยู่ในตัว เพื่อให้สับเพื่อปิดหรือเปิดระบบได้
ขณะที่ด้านข้างฝั่งซ้ายของกล่องจะมีเสาอากาศ Wi-Fi ยื่นออกมาข้างนอก เพื่อเอาไว้ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ให้สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันได้ (โดยไม่ต้องเดินสาย LAN มาที่ตู้) (ทีมช่างจะเป็นฝ่ายดำเนินการเชื่อมต่อ และติดตั้งแอปฯ ให้เรา)
6. Smart Display (หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ)
![SCG Active AIRflow™ System Smart Display](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-smart-display-640x640.jpg)
หน้าจอแสดงผอัจฉริยะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับระบบ SCG Active AIRflow™ ในรุ่น Smart เท่านั้น โดยจะถูกติดยึดกับกำแพง เป็นเครื่องสีขาว มีแถบไฟ LED สีขาวล้อมรอบ สีสันสวยงาม
ผู้ใช้งาน สามารถที่จะดูค่าสถานะของระบบ ค่าอุณหภูมิภายในบ้าน (Indoor Temperature) ที่วัดจากเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายในบ้าน และค่าอุณหภูมิใต้หลังคา (Attic Temperature)
โดยมันไม่สามารถดูและวัดค่าของอุณหภูมิภายนอกบ้านได้ และก็ไม่สามารถเชื่อมต่อ และ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน บนโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วยเช่นกัน
7. Ambient Temperature Sensor (เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายนอกบ้าน)
![SCG Active AIRflow™ System Ambient Temperature Sensor](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-ambient-temperature-sensor-640x427.jpg)
การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายนอกบ้าน (เฉพาะรุ่น Premium) จะต้องหาช่องออกไปจ่อเพื่อวัดอุณหภูมิภายนอกตัวบ้านพร้อมเดินสายไฟจาก กล่องควบคุมอัจฉริยะ มาที่ตัวเซ็นเซอร์
โดยทีมช่างจะเป็นผู้หาและแนะนำเราเองว่าตรงไหนได้บ้างไม่ได้บ้าง โดยเซ็นเซอร์ฯ จะลักษณะคล้ายๆ กับแท่งเหล็กยื่นออกไปนอกอาคาร (อาจจะต้องเจาะเป็นรูเล็กๆ) โดยส่วนมากจะเจาะออกทางแผ่นฝ้าชายคาระบายอากาศ
8. Attic Temperature Sensor (เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิใต้หลังคา)
เซ็นเซอร์ที่จะต้องถูกติดตั้งอยู่ใต้หลังคาหรือห้องเพดาน (Attic) เพื่อวัดค่าอุณหภูมิภายในพื้นที่ใต้หลังคาแล้วส่งค่ากลับมาประมวลผลเช่นกัน
9. Indoor Temperature Sensor (เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายในบ้าน)
เซ็นเซอร์ที่จะถูกติดตั้งอยู่บริเวณใต้ฝ้าเพดาน ของโถงบันไดชั้นบนสุด (ถ้าบ้านมี 2 ชั้นก็จะติดที่เพดานชั้น 2) เพื่อวัดอุณหภูมิภายในตัวบ้าน ว่าอยู่ที่ระดับใด เพื่อให้กล่องควบคุม นำไปประมวลผลต่อไปว่าระบบนี้จะต้องเปิดทำงานหรือไม่ โดยเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิตัวนี้ จะมีอยู่ใน ทุกรุ่นของระบบ SCG Active AIRflow™
ขั้นตอนการติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™
ระบบนี้ไม่ได้เป็นระบบที่เราจะสามารถเดินไปหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้า แล้วนำกลับมาติดตั้งได้ง่ายๆ เองที่บ้าน เพราะระบบค่อนข้างมีความซับซ้อนมากมาย ดังนั้นจึงมีขั้นตอนอยู่พอสมควร เช่นเจ้าหน้าที่จาก SCG จะต้องมาทำการสำรวจพื้นที่ เพื่อที่จะใช้ตำแหน่งติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่หน้างาน ฯลฯ เป็นต้น มาดูกันเลย
1. ประเมินราคาการติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™
เราสามารถเข้าไปประเมินราคาค่าติดตั้งระบบก่อน จากระบบคำนวณราคาเบื้องต้นที่เว็บไซต์ aaf.scgbuildingmaterials.com เพื่อประเมินราคาค่าติดตั้งระบบได้คร่าวๆ ก่อนที่จะขอใบเสนอราคาจริงๆ จากเจ้าหน้าที่ เพื่อสำรวจเงินในกระเป๋าตัวเองก่อนว่าพอหรือไม่ โดยราคาและจำนวนของนั้นจะขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัยหลักๆ ที่เราจะต้องกรอกข้อมูลให้เขาไปในระบบ ดังต่อไปนี้
- Number of Floors (จำนวนชั้นของบ้าน) : ปัจจัยแรกที่จะต้องเลือกคือจำนวนชั้นของบ้านมีให้เลือกตั้งแต่ 1 ชั้น ไปจนถึง 3 ชั้น พร้อมระบุจำนวนชั้นเอง
- Usable Area (ขนาดพื้นที่ใช้สอย) : ขนาดพื้นที่ภายในบริเวณบ้านและหลังคา (พื้นที่มากเท่าไหร่ ยิ่งแพงเท่านั้น) : พื้นที่ใช้สอยในบ้านทั้งหลังทุกชั้น หน่วยเป็นตารางเมตร รวมพื้นที่ของโรงรถด้วย (ถ้าอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน) แต่ไม่รวมพื้นที่สวนนอกบ้าน
- Roof Shape (ทรงของหลังคา) : รูปแบบของทรงหลังบ้าน มีตัวเลือกให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบด้วยกันคือ ทรงจั่ว ทรงปั้นหยา ทรงเพิงหมาแหงน และ ทรงผสม
- Wall Material (วัสดุของผนัง) : วัสดุของผนังที่ใช้ก่อบ้าน มีให้เลือกคำนวณทั้งหมด 3 ชนิด คืออิฐมอญ อิฐมวลเบา และ คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast)
ข้อมูลในตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างการคำนวณราคา ที่เข้าไปประเมินจากเว็บไซต์ของเขาในเบื้องต้นว่าแบบไหนแพงแบบไหนถูก โดยข้อมูลที่กรอกไปเพื่อเป็นตัวอย่าง จะใช้เป็นบ้านแบบ 2 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 250 ตารางเมตร (สมมุติเอานะ)
ราคาในตาราง คำนวณจากบ้าน 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร (รุ่น Premium แบบไม่มีแผงโซล่าเซลล์) |
|||
ทรงของหลังคา / วัสดุผนัง (Roof Shape / Wall Material) |
อิฐมอญ (Brick Wall) |
อิฐมวลเบา (Lightweight Brick Wall) |
ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) |
ทรงจั่ว (Gable Roof) |
211,000 บาท | 176,400 บาท | 211,000 บาท |
ทรงปั้นหยา (Hip Roof) |
130,500 บาท | 148,500 บาท | 130,500 บาท |
ทรงเพิงหมาแหงน (Lean to Roof) |
134,100 บาท | 134,100 บาท | 134,100 บาท |
ทรงผสม (Mixed Roof) |
199,000 บาท | 162,000 บาท | 199,000 บาท |
หมายเหตุ : ราคาด้านบนนี้อัพเดทล่าสุดวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) โดยคำนวณมาจากเว็บไซต์ http://aaf.scgbuildingmaterials.com/ อย่างไรก็ตามควรจะต้องส่งแบบบ้านให้ทางเจ้าหน้าที่ประเมินราคาอีกครั้งเพื่อความแม่นยำ
ข้อมูลเพิ่มเติม
“โดยส่วนตัวได้เลือกติดตั้งเป็นรุ่น Premium แบบไม่มีแผงโซล่าเซลล์ หลังจากที่ศึกษาดูแล้วว่าการสั่งงาน และตั้งค่าต่างๆ ผ่าน App จะสะดวกกว่า การสั่งงานผ่านที่หน้างาน เพราะสามารถสั่งงาน และดูค่าต่างๆ จากนอกบ้านได้ด้วย ซึ่งอุปกรณ์ก็จะมีประมาณนี้”
2. ติดต่อขอใบเสนอราคา การติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™ ?
การขอใบเสนอราคาติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™ จริงๆ มีได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น
- ทางเพจ SCG Experience บนเฟสบุ๊ค (ช่องทางออนไลน์)
- ทางเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของ SCG Experience : 0-2101-9922
- ช่องทางอื่นๆ (ที่อาจจะไม่ทราบ)
ซึ่งแต่ละช่องทาง โปรโมชั่นก็จะเป็นคนละตัวกันผลประโยชน์ต่างกัน เพราะบางโปรโมชั่นมีส่วนลด 10% บ้าง 15% บ้าง 20% บ้าง บางโปรโมชั่นมีส่วนลด พร้อมบัตรกำนัล (Gift Voucher) ของห้างสรรพสินค้า หรืออุปกรณ์เสริมฟรีต่างๆ ยังไงลองตรวจสอบให้ดีๆ ก่อนตกลงติดตั้งระบบ และ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ราคาจะแพงเวอร์ เกินแสนก็จริง แต่ทาง SCG ก็มักจะมีโปรโมชั่นออกมาอย่างสม่ำเสมอ จากการติดตามโปรโมชั่นมาได้ 4-5 เดือนละ
หมายเหตุ : เรื่องการต่อรองราคาค่าระบบกับทาง SCG คงจะยาก เพราะราคาโปรโมชั่นต่างๆ เหล่านี้ถูกกำหนดตายตัวเอาไว้หมดแล้ว และไม่สามารถเลือกที่จะไม่เอาภาษี (Vat) ได้
3. นัดหมายสำรวจหน้างาน เพื่อสำรวจพื้นที่ติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™
![SCG Active AIRflow™ System Technician Climbing Ladder to the Roof](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-technician-climbing-ladder-to-the-roof-640x427.jpg)
หลังจากที่ได้ตกลงราคา และข้อเสนอโปรโมชั่นต่างๆ ที่ทาง SCG นำเสนอแล้ว ก็จะเป็นการนัดหมายวันสำรวจหน้างาน (Site Survey) ก่อนทำการติดตั้ง แต่ก่อนที่จะมาสำรวจหน้างานจะมีการ จ่ายค่าสำรวจหน้างาน 2,000 บาท เสียก่อน (เซลล์จะแจ้งวิธีการจ่ายเงินให้เราอีกที) แล้วจะมีทีมช่างโทรมานัดวันและเวลาเข้าสำรวจหน้างานกับเราอีกที
โดยการสำรวจหน้างาน จะมีทีมช่างจาก SCG มาที่บ้านประมาณ 2 คน มาสำรวจจุดติดตั้งของอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ ช่องเติมอากาศติดผนัง (Intake Air Grille) พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได (CV) พัดลมระบายอากาศบนหลังคา (SRTV) และ กล่องควบคุมอัจฉริยะ (Smart Control Box) รวมไปถึงตำแหน่งของเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิต่างๆ โดยมีการปีนขึ้นไปดูบนหลังคา และขึ้นไปดูในพื้นที่ใต้หลังคาผ่านทางช่องเซอร์วิส
4. จ่ายเงินค่ามัดจำ และนัดหมายวันติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™
เมื่อสำรวจพื้นที่ติดตั้งระบบเสร็จแล้ว เซลล์จะแจ้งสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดอีกครั้ง* โดยเมื่อทราบราคาสรุปที่แน่ชัดแล้ว จะต้องจ่ายเงินค่ามัดจำก่อน 70% ทันทีและจ่ายส่วนที่เหลืออีก 30% ก่อนการติดตั้งจริง 1 สัปดาห์
วิธีการจ่ายเงินก็ ถ้าสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ก็จะสามารถตัดบัตรเครดิตผ่านระบบออนไลน์ได้เลย โดยทางเซลล์จะส่งที่อยู่เว็บไซต์การจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ (Online Payment Web Address) มาให้เรา แล้วเราก็เข้าไปกรอกรายละเอียดการจ่ายเงิน (เหมือนสั่งซื้อของออนไลน์ทั่วไป) แต่ถ้าผ่านทางช่องทางหน้าร้านก็โอนเงินเข้าบัญชีที่กำหนด หรือไปจ่ายที่หน้าเค้าเตอร์ (รูดบัตรเครดิตได้)
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการเตรียมและผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้ง โดยเฉพาอย่างยิ่งแผ่นกระเบื้องหลังคา ที่ถูกเจาะเป็นปล่องระบายอากาศ อันนี้จะต้องมีการสั่งผลิตพิเศษ และหลังจากนั้น เซลล์ผู้ดูแลเราจะโทรมานัดหมายวันติดตั้งระบบ (ล่วงหน้าประมาณ 2 อาทิตย์)
หมายเหตุ* : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้อีก หลังวันเข้าสำรวจพื้นที่ติดตั้งระบบ เนื่องจากอาจจะมีการเพิ่มหรือลดจำนวนอุปกรณ์ เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้าน
5. การดำเนินการ วันติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™
![SCG Active AIRflow™ System Component for Premium Package](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-component-for-premium-package-640x427.jpg)
ในส่วนของวันติดตั้งระบบนั้น ทีมช่างจะนัดหมายเข้าปฏิบัติงานกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ซึ่งตามกำหนดการทุกอย่างจะเสร็จภายในวันเดียว โดยจะมีทีมช่างเข้ามาดำเนินการติดตั้งระบบหลักๆ อยู่ 2 ทีมดังต่อไปนี้ (แต่ละทีมจะมีเจ้าหน้าที่ของ SCG เป็นผู้คุมงาน – เท่ากับว่ามี 2 คนรับผิดชอบคนละทีม)
- ทีมช่างงานปูนและงานกระเบื้อง : ทีมนี้จะรับผิดชอบส่วนของการเจาะผนัง เพื่อติดตั้งช่องเติมอากาศชั้นล่างทั้งหมด พร้อมกับ รับผิดชอบในส่วนของการเปลี่ยนแผ่นกระเบื้องหลังคาเดิม ไปเป็น แผ่นกระเบื้องหลังคาแบบปล่องที่สั่งผลิตพิเศษ พร้อมกับชุดของพัดลมระบายอากาศบนหลังคา (ปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านผ่านบันไดยาว หรือนั่งร้าน) โดยทีมนี้จะใช้เวลาไม่นาน (ประมาณครึ่งวันเช้าก็น่าจะเสร็จแล้ว) เพราะงานหลักๆ มีอยู่แค่ 2 อย่าง
- ทีมช่างติดตั้งงานระบบ : ทีมชุดนี้จะเป็นผู้รับเหมาช่วง (พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของ SCG) ที่เข้ามาพร้อมๆ กันกับทีมงานปูนและงานกระเบื้อง ตั้งแต่ช่วงเช้า แต่กว่าจะเสร็จก็น่าจะยาวไปถึงบ่ายแก่ๆ หรือเย็นๆ ค่ำๆ โน้นเลย (ขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะหน้า) โดยพวกเขามีหน้าที่ดังต่อไปนี้
- งานเจาะฝ้าเพดาน และติดตั้งพัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได
- งานติดตั้งหน้าจอแสดงผล (สำหรับรุ่น Smart) หรือ กล่องควบคุมอัจฉริยะ (สำหรับรุ่น Premium) พร้อมสวิตซ์ควบคุมระบบต่างๆ
- งานติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิในตำแหน่งต่างๆ (สำหรับรุ่น Smart ติดตั้งทั้งหมด 2 จุด แต่รุ่น Premium ติดตั้งทั้งหมด 3 จุด)
- งานเดินระบบไฟ เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ทั้งหมด (สายไฟทั้งหมดจะถูกร้อยอยู่ในท่ออ่อนแบบ uPVC ทั้งหมด)
- งานสอนการใช้งานระบบ (และแอปพลิเคชันสำหรับรุ่น Premium) ให้กับลูกค้า
สรุปอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™ รุ่น Premium
![SCG Active AIRflow™ System SRTV Solar Roof Tile for SRTV Box](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/02/scg-active-airflow-system-srtv-roof-tile-for-srtv-box-640x427.jpg)
- ช่องเติมอากาศ x 2 ชุด
- พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได x 2 ตัว
- พัดลมระบายอากาศบนหลังคา x 4 ตัว
- กล่องควบคุมอัจฉริยะ ควบคุมผ่านมือถือ x 1 ชุด
- เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายนอกบ้าน x 1 ชุด
- เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิใต้หลังคา x 1 ชุด
- เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิภายในบ้าน x ชุด
6. หลังการติดตั้งระบบ SCG Active AIRflow™ เสร็จสิ้น
![SCG Active AIRflow™ System User Manual and Warranty Card](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/03/scg-active-airflow-system-user-manual-and-warranty-card-640x427.jpg)
หลังจากติดตั้งระบบเสร็จเรียบร้อย เราก็จะเซ็นเอกสารรับงาน พร้อมรับมอบหนังสือคู่มือการใช้งานภาษาไทย (Thai User Manual) และใบรับประกันระบบ (Warranty Card) ของ Active AIRflow™ System ที่พิมพ์เป็นชื่อเรา พร้อมระบุระยะเวลาการรับประกันอย่างชัดเจน
หมายเหตุ : โดยระยะเวลารับประกันอยู่ที่ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ติดตั้ง
การใช้งานระบบ SCG Active AIRflow™ รุ่น Premium
เนื่องจากที่บ้านติดตั้งเป็นรุ่น Premium แบบไม่มีแผงโซล่าเซลล์ ดังนั้นการควบคุมสั่งงานระบบนี้จะ สั่งผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือชื่อว่า “SCG SmartLiving” ทั้งหมด (สามารถใช้ได้ทั้งบน iPhone และ iPad แล้ว) โดยทีมงานจะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการติดตั้งและใช้งาน เมื่อการติดตั้งระบบเสร็จสิ้น และสำหรับการใช้งานของระบบก็มีข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
![SCG SmartLiving App Interface for SCG Active AIRflow™ System](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/03/scg-smartliving-app-interface-for-active-airflow-system-640x480.jpg)
- ค่าตั้งต้นของระบบใน “โหมด ECO” คือระบบจะเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไปจนถึง 2 ทุ่ม (รวมวันละ 13 ชั่วโมง) โดยเมื่อหมดเวลา ระบบจะหยุดการทำงานโดยทันที
- สามารถปรับเปลี่ยนค่าตั้งต้นของระบบใน “โหมด ECO” ให้เปิดปิดได้ตามต้องการ เช่นกัน เช่น ระบบเปิด 7 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม อะไรแบบนี้ (แต่ว่าต้องบอกทีมช่างให้เปลี่ยนให้ เราจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เอง)
- ถ้าต้องการเปิดระบบนอกเวลาทำการก็สามารถสั่งได้ผ่านแอปพลิเคชันไปที่ “โหมด ON” ก็จะเปิดปิดระบบได้ตามต้องการ
- สามารถปิดระบบได้ตามต้องการจากสวิตซ์ไป ที่ทา
- ระบบจะหยุดทำงานเองอัตโนมัติ ในกรณีที่อุณหภูมิภายในลดลงต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียส (แต่อยู่เมืองไทย ยากที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้)
หลังติดตั้ง และใช้งานระบบ SCG Active AIRflow™ รุ่น Premium
ในส่วนนี้น่าเป็นส่วนไฮไลท์ที่หลายๆ คนสนใจ ว่าติดตั้งไปแล้วได้ผลลัพธ์ เป็นที่น่าพอใจ และคุ้มค่ากับราคาหรือไม่ โดยจะแยกออกเป็นหัวข้อๆ เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ
ความรู้สึกส่วนตัวหลังติดตั้งระบบ
ส่วนนี้จะเป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ อาจจะมีมาจากการอุปทานหรือคิดมโนไปเองว่ามันเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะในเมื่อเราเสียเงินไปแล้ว ก็ต้องคิดว่ามันดี (เพื่อให้รู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ฮาๆ)
- รู้สึกว่าภายในตัวบ้านมีอากาศถ่ายเท มีลมผ่านเบาๆ จริงๆ (ในกรณีถ้าเปิดระบบ SCG Active AIRflow™ และปิดแอร์ ปิดพัดลมในบ้าน)
- ช่องเติมอากาศชั้นล่าง รู้สึกว่ามีลมเข้าจริงๆ แต่ถ้าเปิดหน้าต่างส่วนอื่นๆ ลมจะเข้าทางหน้าต่างมากกว่า (เพราะช่องเติมอากาศมีขนาดเล็กกว่า) (ผลการทดสอบความเร็วลมจากช่องเติมอากาศชั้นล่าง)
- อุณหภูมิภายในบ้านจะเย็นลงประมาณ 1-2 องศา (ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ หรือ ช่วงเวลาว่าเป็นกลางวัน หรือกลางคืน เป็นต้น) ไม่ใช่เปิดระบบปุ๊บแล้วอุณหภูมิจะลงทันทีภายใน 5-10 นาที แต่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยเกือบชั่วโมง (อย่าลืมว่าระบบนี้ ไม่ใช่เครื่องแอร์ ที่จะเปิดปุ๊บแล้วจะเย็นปั๊บ)
- ห้องทำงานจากที่เคยร้อนอบอ้าวมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหัวค่ำ (ประมาณ 1-2 ทุ่ม) จนต้องเปิดแอร์ในช่วงเวลาดังกล่าวก็สามารถนั่งทำงานได้สบายๆ โดยไม่ต้องเปิดแอร์อีกเลย
- ช่วงแรกๆ หลังการติดตั้ง รู้สึกว่าเสียง พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได (CV) ค่อนข้างดัง แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ ก็ชินไปเอง
- มีฝุ่นเข้ามาเกาะในบ้านมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องควรเช็คปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (ฝุ่น PM 2.5) หรือซื้อเครื่องวัดมาไว้วัดค่า ก่อนเปิดระบบ
ค่าทดสอบวัดอุณหภูมิ (Temperature) และ ความเร็วลม (Wind Speed) จากเครื่องวัด
![SCG Active Airflow System Temperature and Wind Speed Measurement in the Stair Hall](https://www.thanop.com/wp-content/uploads/2019/03/scg-active-airflow-system-temperature-and-wind-speed-measurement-in-the-stair-hall-640x427.jpg)
ส่วนนี้จะเป็นการวัดค่าจริงๆ โดยใช้เครื่องวัดค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิตอล (Digital Thermometer) และเครื่องวัดความเร็วลมดิจิตอล (Digital Anemometer) เพื่อดูว่ามีลมวิ่งผ่านในตำแหน่งต่างๆ ของบ้านหรือไม่ เป็นการเทียบกันระหว่างเปิดและปิดระบบ SCG Active AIRflow™
การวัดค่าอุณหภูมิ (Temperature Test)
ในการวัดค่าอุณหภูมิ ได้แบ่งการทดสอบออกเป็น 2 ช่วงคือ
-
- ทดสอบเวลากลางวัน : อุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายในบ้าน
- ทดสอบเวลากลางคืน : อุณหภูมิภายนอกต่ำภายในบ้าน
☼ กลางวัน : ทดสอบเวลา 10:30 ถึง 11:30 น. อุณหภูมิภายนอก ≈ 33 องศา | ความชื้นสัมพัทธ์ ≈ 60% |
||||
ตำแหน่งที่ทดสอบ (Test Location) |
ปิดระบบ (Sys Off) |
เปิด 15 นาที (After 15 Min.) |
เปิด 30 นาที (After 30 Min.) |
เปิด 1 ชั่วโมง (After 1 Hr.) |
หลังช่องเติมอากาศ (ภายในบ้าน) | 31.9 °C | 32.0 °C | 32.2 °C | 32.2 °C |
โถงบันไดบริเวณชานพักบันได | 31.3 °C | 31.5 °C | 31.6 °C | 31.6 °C |
ห้องชั้นบนที่ไม่มีพัดลมระบายอากาศ | 31.6 °C | 31.9 °C | 32.1 °C | 31.9 °C |
หน้าพัดลมระบายอากาศ | 31.8 °C | 31.6 °C | 31.8 °C | 31.5 °C |
พื้นที่ใต้หลังคา (ค่าจากแอปฯ)* | 38 °C | 37 °C | 36 °C | 34 °C |
☾ กลางคืน : ทดสอบเวลา 20:30 ถึง 21:30 น. อุณหภูมิภายนอก ≈ 28 องศา | ความชื้นสัมพัทธ์ ≈ 75% |
||||
ตำแหน่งที่ทดสอบ (Test Location) |
ปิดระบบ (Sys Off) |
เปิด 15 นาที (After 15 Min.) |
เปิด 30 นาที (After 30 Min.) |
เปิด 1 ชั่วโมง (After 1 Hr.) |
หลังช่องเติมอากาศ (ภายในบ้าน) | 31.4 °C | 28.3 °C | 28.4 °C | 28.4 °C |
โถงบันไดบริเวณชานพักบันได | 31.7 °C | 31.3 °C | 31.1 °C | 30.7 °C |
ห้องชั้นบนที่ไม่มีพัดลมระบายอากาศ | 31.9 °C | 31.9 °C | 31.6 °C | 31.1 °C |
หน้าพัดลมระบายอากาศ | 32.0 °C | 31.5 °C | 31.3 °C | 30.1 °C |
พื้นที่ใต้หลังคา (ค่าจากแอปฯ)* | ≈ 32 °C | ≈ 32 °C | ≈ 31 °C | ≈ 31 °C |
หมายเหตุ* : ค่าอุณหภูมิของพื้นที่ใต้หลังคา ไม่มีจุดทศนิยม เนื่องจากในข้อมูลจากแอปพลิเคชันก็ไม่แสดงเช่นกัน
ความคิดเห็นส่วนตัว
“จากตารางผลการทดสอบในเวลากลางวัน (อุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายในบ้าน) พบว่าก่อนและหลังเปิดระบบไปได้ 1 ชั่วโมง อุณหภูมิไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญอะไรเลย มิหนำซ้ำจะทำให้อุณหภูมิภายในบ้านสูงขึ้น (นิดนึง) ด้วย สาเหตก็เพราะว่าอุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายในนั่นเอง ดังนั้นการเปิดระบบ SCG Active AIRflow™ จึงเป็นการไปดูดอากาศร้อนเข้ามาภายในบ้านด้วย
แต่ครับแต่ !! แต่ในขณะเดียวกัน เราจะรู้สึกสบายตัวขึ้น เพราะรู้สึกว่ามีลมหมุนเวียนเข้ามาภายในบ้านจริงๆ (แต่อาจจะไม่ได้มากถึงขนาดที่เครื่องวัดความเร็วลมดิจิตอลจะวัดค่าออกมาได้) สรุปง่ายๆ คือ บ้านยังร้อนอยู่ แต่ไม่ได้ร้อนอบอ้าว ซึ่งความรู้สึกของการร้อน กับร้อนอบอ้าว 2 อย่างนี้มันต่างกันนะ
ในขณะที่การทดสอบในเวลากลางคืน (อุณหภูมิภายนอกต่ำกว่าภายในบ้าน) ก็พบว่ามันสามารถช่วยให้บ้านเย็นลงจริงๆ ประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส แต่กว่าจะเย็นลงได้ก็ต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมงอยู่เหมือนกันนะครับ
ถ้ามีคำถามว่าทำไมอุณหภูมิภายในบ้านยังคงสูงอยู่ในเวลากลางคืน ก็มีสาเหตุมาจากความร้อนสะสมที่เกิดขึ้นจากแสงแดดที่ส่องเข้ามาที่ตัวบ้าน และความร้อนจากแสงแดดก็ถูกสะสมเอาไว้ในผนัง หรือบริเวณ ความร้อนที่สะสมเหล่านั้นจะคลายออกมาในเวลากลางวันนั่นเอง“
การทดสอบความเร็วลม (Wind Speed Test)
ตำแหน่งที่ทดสอบ (Test Location) |
ความเร็วลมขณะปิดระบบ (System Off Wind Speed) |
ความเร็วลมขณะเปิดระบบ (System On Wind Speed) |
ด้านหลังช่องเติมอากาศ (ภายในบ้าน) | 0.00 km/h | 2.88 km/h (ของทั้ง 2 ช่อง) |
ด้านหน้าพัดลมระบายอากาศ (ภายในบ้าน) | 0.00 km/h | 11.66 km/h (ของทั้ง 2 เครื่อง) |
ค่าไฟต่อเดือนแพงขึ้นหรือไม่ ? (การบริโภคไฟเป็นอย่างไร ?)
เนื่องจากระบบนี้เป็นระบบที่ต่อไฟตรงกับไฟบ้านเลย ไม่ได้ใช้การเสียบปลั๊กเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วๆ ไป ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ เครื่องทดสอบอัตราการกินไฟดิจิตอล (Digital Power Consumption Meter) เหมือนที่เคยๆ รีวิวมาได้เนื่องจากอันนั้นเป็นการวัดไฟจากหัวปลั๊กไฟบ้าน ด้วยเหตุนี้เองจึงขอใช้การคำนวณค่าไฟจากสเปคของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ที่ใช้ในการติดตั้งมาคำนวณ ลองดูผลการคำนวณคร่าวๆ จากตารางด้านนี้ได้เลย
การใช้อุปกรณ์ในตาราง คำนวณจากบ้าน 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร (รุ่น Premium แบบไม่มีแผงโซล่าเซลล์) |
|||
อุปกรณ์และจำนวน (Equipment and Quantity) |
การกินไฟ (Power Consumption) |
การคำนวณค่าไฟ (Power Consumption Calculation) |
ค่าไฟ / เดือน (Electricity Charge / Month) |
1. พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได x 2 ตัว
(Ceiling Ventilator – CV) |
ตัวละ 23 วัตต์* x 2 ตัว ≈ 46 วัตต์ | (46 วัตต์ x 13 ชั่วโมง** x 30 วัน x 5 บาทต่อยูนิต***) / 1,000 | ≈ 90 บาท |
2. พัดลมระบายอากาศบนหลังคา x 4 ตัว
(Solar Roof Tile Ventilator – SRTV) |
ตัวละ 20 วัตต์* x 4 ตัว ≈ 80 วัตต์ | (80 วัตต์ x 13 ชั่วโมง** x 30 วัน x 5 บาทต่อยูนิต***) / 1,000 | ≈ 156 บาท |
3. กล่องควบคุมอัจฉริยะ และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ x 1 ชุด (Smart Control Box and Temperature Sensors) |
คาดว่าทั้งหมดประมาณ ≈ 20 วัตต์ | (20 วัตต์ x 13 ชั่วโมง** x 30 วัน x 5 บาทต่อยูนิต***) / 1,000 | ≈ 39 บาท |
รวมทั้งสิ้นค่าไฟของเครื่องนี้ประมาณเดือนละ ≈ 285 บาท ต่อเดือน
หมายเหตุ* : ความแรงของ พัดลมระบายอากาศบริเวณโถงบันได สามารถปรับหรี่ลงหรือเพิ่มขึ้นได้ตามต้องการ แต่ต้องให้ทีมช่างของ SCG เป็นผู้ปรับ และจากที่สังเกตดูเขาก็ไม่ได้ปรับให้แรงสูงสุด ดังนั้นอัตราการกินไฟจึงต่ำกว่า 23 วัตต์ นั่นหมายความว่าค่าไฟจะถูกกว่าที่คำนวณเอาไว้ในตารางด้านบนนี้อย่างแน่นอน
หมายเหตุ** : ประเมินจากสถานการณ์ ว่าเราใช้งานระบบ จากตั้งต้นของระบบใน “โหมด ECO” (ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไปจนถึง 2 ทุ่ม) (รวมวันละ 13 ชั่วโมง)
หมายเหตุ*** : คุณสามารถเปลี่ยน ค่าไฟต่อยูนิต (ในตัวอย่างนี้คิด 5 บาทต่อยูนิต – ถือว่าอยู่ในอัตราที่สูง) ให้เป็นตามที่จ่ายจริง เพราะที่พักอาศัยในแต่ละที่อาจจะคิดไม่เท่ากัน
บทสรุปการใช้งานระบบ SCG Active AIRflow™
ข้อดี 🙂
- อากาศมีการถ่ายเทที่ดีขึ้นภายในบริเวณบ้าน รู้สึกว่ามีลมถูกดูดเข้ามาภายในตัวบ้านจริงๆ
- ลดการใช้งาน เครื่องแอร์ ไปได้มากพอสมควร ในขณะที่อากาศร้อน สามารถเปิดแอร์ได้ดึกขึ้น (ช่วยประหยัดไฟไปในตัว)
- ลดโอกาสการเกิดเชื้อราบนเฟอร์นิเจอร์ อาหารบูดเสียเร็ว เครื่องสำอางเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร
- สามารถ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันได้ (เฉพาะรุ่น Premium) อยู่นอกบ้านก็สั่งเปิดปิดระบบได้ตามต้องการได้
- หายห่วงเรื่องน้ำรั่วซึมจากบนหลังคา เพื่อแผ่นกระเบื้องที่เป็นปล่องระบายอากาศถูกผลิตขึ้นมาเฉพาะรุ่น และใช้เฉพาะระบบนี้เท่านั้น
ข้อเสีย หรือ จุดสังเกต 🙁
- ราคาค่อนข้างสูงมากๆ (แต่ทาง SCG ก็พยายามออกโปรโมชั่นมากระตุ้นลูกค้ามากขึ้น)
- ระบบสามารถติดตั้งได้กับบ้าน ที่ใช้แผ่นกระเบื้องของทาง SCG ในรุ่นที่กำหนดเท่านั้น
- ระยะเวลาดำเนินการก่อนติดตั้งค่อนข้างนานมาก ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ติดตั้งหน้าร้อนได้ใช้ตอนหน้าฝน ถ้าใครอยากใช้ทันหน้าร้อน แนะนำให้ดำเนินเรื่องติดตั้งช่วงหน้าหนาว จะได้ทันใช้หน้าร้อนพอดี (แต่เขาอาจจะปรับปรุงการให้บริการแล้วก็ได้นะครับ ลองตรวจสอบดูอีกที)
- ไม่เหมาะกับการเปิดใช้ระบบในขณะที่อากาศภายนอกมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 (ฝุ่นจิ๋ว) เป็นจำนวนมาก (ควรมีเครื่องวัดฝุ่น เพื่อตรวจสอบก่อนเปิดใช้งานด้วย) เพราะมันจะเป็นการดูดเอาฝุ่นเข้ามาในบ้านเราด้วย เพราะแม้ว่าที่ช่องเติมอากาศจะมีแผ่นกรองฝุ่น อยู่แล้ว แต่อากาศก็ไม่ได้ถูกดูดเข้าทางนี้ทางเดียวอยู่ดี มันสามารถดูดเข้าได้ผ่านทางซอกประตู หน้าต่าง บานเกล็ด และช่องทางอื่นๆ ได้มากมาย
เป็นบริษัทใหญ่โต แต่ออกแบบกระเบื้องแผ่นหลังคาไม่ได้เรื่องกี่สิบปีมาแล้ว เมืองไทยเป็นเมืองร้อนกระเบื้องทุกแผ่นแน่นอนต้องมีความสวยงามด้านนอก แต่การระบายความร้อนล่ะ? ขอบชายล่างของกระเบื้องแผ่นบนที่จะวางทับกระเบื้องแผ่นล่างควรเซาะร่องเป็นแนวยาวลงมาหลายๆร่องตามความกว้างของกระเบื้องเพื่อให้อากาศสามารถไหลเข้า/ออกจากห้องใต้หลังคาเมื่องมีกระแสลมมาปะทะด้านใดด้านหนึ่ง ในขณะที่ฝ้าเพดานหลังคาภายนอกอาคารควรติดช่องลมแบบเกล็ดกว้างไม่ต่ำกว่า10ซม.ให้ชิดรอบผนังตัวอาคาร เมื่อกระแสลมมาปะทะกับผนังอาคารจะทำให้ประสิทธิภาพการไหลเข้าของอากาศเพิ่มขึ้นมาก แต่การออกแบบแนวหลังคารูปแบบที่ลดความร้อนได้ดีที่สุดที่ผมเคยทำและได้ผลดีมากคือ การทำแนวสันบนของหลังคาเป็นสองชั้นโดยเปิดช่องหลังคาปกติไม่ครอบแผ่นสันหลังคาซึ่งจะเป็นช่องกว้างประมาณ10-15ซม. หลังจากนั้นทำคานรับหลังคาชั้นสองให้ซ้อนกันประมาณ2แผ่นและให้สูงกว่าหลังคาเดิม10-15ซม.เพื่อให้อากาศร้อนระบายขึ้นมาเองพร้อมมุงตระแกรงกันนก/แมลง
ผมว่า scg ของไม่ได้หวือหว๋ามาก สินค้าแค่ละอย่างดูธรรมดาโดยหลักการพื้นฐาน แต่มาคิดราคาแพงอย่างกัยนวัตกรรมใหม่ๆ
เทียบอุปกรณ์และราคารวมติดตั้ง ถือว่าแพงแบบไร้สาระและเหตุผลมากเกินไป
ซื้ออุปกรณ์มาทำเอง หรือจ้างช่างมาทำเองถูกกว่าเยอะเลย ผลลัพธ์ก็ไม่ผ่าน เอาเงินไปจ่ายค่าแอร์เพิ่มทุกเดือนยังดีกว่าครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวที่ดีและละเอียดมากครับ
บ้านอบอ่าว
เห็นราคาแล้วถึงกับจุกเลยครับ 😅 คนงบน้อยอย่างผมขอเปิดหน้าต่างเอาดีกว่าครับ 😝