รีวิว Nissan Altima (Teana) L33 ในสหรัฐอเมริกา (ฉบับย่อ)

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2014 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลาประมาณกว่า 3 สัปดาห์ และก็มีโอกาสได้ เช่ารถขับที่อเมริกา จาก Enterprise Rent-A-Car ได้อยู่ประมาณ 8 วัน ซึ่งเป็นการขับเที่ยว ทั้งในเมือง นอกเมือง จากเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา อย่าง วอชิงตัน ดีซี (Washington DC) ไปเมือง ฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia) ตามด้วยน้ำตกไนแองการ่า (Niagara Falls) ในเมืองบัฟฟาโล่ (Buffalo) และไปคืนรถที่ มหานครนิวยอร์ค (New York)

แน่นอนรถที่ผมเลือกมาขับก็คือ นิสสันอัลติม่า* และรุ่นที่ได้มาก็คือรุ่น L33 เช่นเดียวกัน ซึ่งตรงกับรีวิวรถฉบับนี้พอดี จึงขอทำเป็น มินิรีวิว เสริมขึ้นมาให้ในบทความฉบับเดียวกันนี่แหละ เพื่อจะได้ให้ผู้ที่อ่านได้ทราบว่า มีส่วนไหนออปชั่นไหน ที่บ้านเราดีกว่า หรือด้อยกว่าเขาบ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นการขับหรือใช้งานเพียงแค่ 1 สัปดาห์เศษๆ ระยะทางรวมประมาณ 1,500 กิโลเมตร แต่ก็มีข้อมูลพอที่จะมาเขียนรีวิวฉบับย่อ สรุปเปรียบเทียบ กับ นิสสันเทียน่า L33 รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย และ ใช้อยู่ในปัจจุบันได้เช่นกัน

*นิสสันอัลติม่า : เมืองไทยจะเรียกว่า นิสสันเทียน่า (Nissan Teana) แต่ว่าที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น เขาจะเรียกว่า นิสสันอัลติม่า (Nissan Altima) นั่นเอง ซึ่งในอเมริกา รถรุ่นนี้ถูกเปิดตัวตั้งแต่เมื่อกลางปี ค.ศ. 2012 (เมืองไทยเปิดปลายปี ค.ศ. 2013)

แต่ว่ารหัสตัวถัง และ รูปลักษณ์หลักภายนอก จะเหมือนกันเป๊ะๆ แค่เรียกชื่อรุ่นต่างกันนั่นเอง ซึ่งการเรียกชื่อรุ่นรถ ต่างกันในแต่ละประเทศมีให้เห็นอยู่ทั่วไปอยู่แล้ว อาทิเช่น ฮอนด้าแจ๊ส (Honda Jazz) เรียกในประเทศไทย แต่บางประเทศเรียกมันว่า ฮอนด้าฟิต (Honda Fit) เป็นต้น

Nissan Altima ภายนอก

ในส่วนของภายนอก เนื่องจากรูปลักษณ์ หรือ รูปร่างหน้าตาของรถนั้นค่อนข้างที่จะเหมือนกันเป๊ะๆ จึงไม่ค่อยมีอะไรที่แตกต่างกันมากมายนัก

Nissan Altima L33 Front View (นิสสันอัลติม่า L33 ด้านหน้า)
ภาพหน้ารถ นิสสันอัลติม่า L33 ทุกอย่างเหมือน นิสสันเทียน่า L33 บ้านเราเป๊ะๆ

ตัวที่ผมไปเช่ามานั้นจะเป็นรุ่น S ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นรุ่นที่ต่ำสุดของเขาแล้ว (เพราะนี่เป็นรถเช่า) สังเกตุสิ่งที่แตกต่างก็คือจะไม่มีไฟตัดหมอกหน้ารถ ที่อยู่ตรงใต้กันชนหน้า และ ไฟเลี้ยว (ไฟมุม) จะเป็นสีเหลืองอร่าม ทั้งโคม ตรงไฟหน้า แต่ของบ้านเรา (เทียน่า) หากย้อนกลับไปดู ไฟเลี้ยวจะอยู่ที่กระจกมองข้างทั้ง 2 ฝั่ง แต่ของอเมริกาจะไม่มี 

จัดให้ดูกันเพิ่มเติมอีก 3 รูปภาพ ทั้งมุมด้านหลัง และด้านข้าง ซึ่งจะสังเกตุว่าไม่มีอะไรที่แตกต่างกันมากนัก แต่หากดูดีๆ ล้อแม็กซ์ ที่เขาให้มานั้นเป็นล้อเหล็กครอบกระทะ ขนาด 16 นิ้ว ซึ่งจะเล็กกว่าบ้านเราอยู่ 1 นิ้ว (ให้รุ่น 17 นิ้วมา) ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณใช้ล้อแม็กซ์ (หรือล้อขอบกระทะ) ที่มีขอบเล็กกว่า ยางที่ใช้ก็จะมีขนาดที่หนากว่า เพื่อให้เส้นรอบวงล้อยังคงขนาดเท่าเดิม ตามมาตรฐานของผู้ผลิตรถ เพื่อที่จะให้เลขไมล์ ความเร็วต่างๆ ไม่ผิดไม่เพี้ยนไปจากมาตรฐาน ผลลัพธ์อีกเล็กน้อยคือมันจะช่วย ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

หมายเหตุ : ในรถนิสสันเทียน่า L33 ของบ้านเราก็มีให้ล้อแม็กซ์ ขอบ 16 นิ้ว มาให้เหมือนกัน แต่จะเป็นในรุ่น 2.0XE ซึ่งขอสารภาพตามตรงว่า ตั้งแต่มันออกรุ่นนี้มายังไม่เคยเห็นใครถอยรุ่นนี้เลย ส่วนใหญ่จะกระโดดมารุ่น 2.0XL กันหมด

Nissan Altima ภายใน

ในส่วนของบรรยากาศภายในรถ ในส่วนของรถเช่าที่ผมเห็น จะเป็นสีดำ แม้สีตัวถังรถ จะเป็นสีดำ หรือ สีขาว ก็ตามแต่ แต่ที่เห็นตามท้องถนนก็มีสีเบจครีม อยู่เหมือนกัน ส่วนเบาะก็เป็นเบาะผ้า (ส่วนใหญ่ที่อเมริกา หรือเมืองหนาว เขาจะเน้นเบาะผ้ามากกว่าเบาะหนัง เนื่องจากให้ความอบอุ่นได้มากกว่า) และนอกจากนี้แล้วออปชั่นที่ให้มา ลูกเล่นต่างๆ เช่นระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เหมือนบ้านเรา ก็ไม่ได้มีมาให้

Nissan Altima L33 Interior Front (ภายใน นิสสันอัลติม่า L33)
ภายในฝั่งคนขับรถนิสสันอัลติม่า L33 พวงมาลัยซ้าย (ของในรถ รกไปนิดนึง) เบาะหน้า ปรับไฟฟ้าเหมือนเดิม

สำหรับในส่วนอื่นๆ ของนิสสันอัลติม่า ที่อเมริกานี้ เขาได้ให้ออปชั่น หรือลูกเล่นต่างๆ มีมาให้ “น้อยกว่า” รถนิสสันเทียน่า ของบ้านเราเยอะ ถึงแม้เทียบกันด้วยรุ่นต่ำก็ตาม อาทิเช่น แผงข้างประตูคนขับ ก็ยังไม่มีความสามารถในการพับกระจกข้างเก็บอัตโนมัติเลย นอกจากนี้แล้ว ในส่วนของที่นั่งด้านหลังก็ไม่มี ช่องแอร์ สำหรับ ผู้โดยสารด้านหลัง เหมือนรถเทียน่า ในบ้านเรา

ในส่วนของแผงควบคุมหน้ารถ ระบบวิทยุก็จะมีช่องเสียบสาย AUX ที่เรียกว่า AUX IN เพื่อใช้ต่อกับสายเสียงออดิโอ มาจากแหล่งอื่นๆ ได้อย่างเช่นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน เครื่องเล่นเพลง MP3 และอื่นๆ นอกจากนี้สามารถฟังวิทยุ FM AM หรือแม้แต่แผ่น CD ที่ฟังได้ทั้งแผ่นซีดีเพลง (CD Audio) หรือแผ่นซีดี MP3 ก็ได้ด้วยเช่นกัน

ด้านระบบปรับอากาศภายในรถ (ระบบแอร์) ก็ไม่ได้มีจอดิจิตอล และ แยกระบบปรับอากาศซ้ายขวา เหมือนกับของบ้านเรา เป็นการใช้งานแบบเรียบง่าย ปรับอุณหภูมิแบบหมุนเอา อยากจะร้อนก็หมุนไปทางขวา (แถบสีแดง) อยากจะหนาวก็หมุนไปทางซ้าย (แถบสีน้ำเงิน) นอกนั้นก็เลือกช่องอากาศที่จะระบายออกมาได้เหมือนปกติ

ในส่วนของลูกเล่นบน พวงมาลัยปุ่มต่างๆ ฟังก์ชั่นต่างๆ จะเหมือนกับของบ้านเราเลย ดังนั้นหากต้องการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ขอให้ย้อนกลับไปอ่านในส่วนของ ภายใน Nissan Teana L33 ได้เลย

Nissan Altima L33 Steering Wheel (พวงมาลัย นิสสันอัลติม่า L33)
แผง พวงมาลัยนิสสันอัลติม่า L33 ปุ่มต่างๆ ยังจัดเต็มเหมือนเดิม (รายละเอียดเหมือนกับ นิสสันเทียน่า L33 บ้านเราเลย)

แต่ส่วนที่เด็ด และชอบมากที่สุดคือ ระบบวัดลมยางภายในรถยนต์ (Tyre Pressure Monitoring System) ซึ่งตรงจุดนี้จะทำให้คุณได้ทราบถึง แรงดันลมยาง (Tyre Pressure) ได้ทั้ง 4 ล้อ จากภายในเกจ์หรือจาก หน้าจออัจฉริยะ (Intelligent 3D Display) ได้เลยโดยตรง โดยจะแสดงหน่วยเป็น PSI (Pound per Square Inch) หรือแปลเป็นไทยว่าหน่วย “ปอนด์ต่อตารางนิ้ว” ตามมาตรฐานสากล (บ้านเราก็ใช้หน่วยนี้) นั่นเอง ซึ่งเจ้าแรงดันลมยางนี้หากสตาร์ทรถยนต์แล้วจะยังไม่แสดงทันที แต่มันจะแสดงค่าแรงดันลมยาง หลังจากที่รถขับออกไปได้สักระยะ (ประมาณ 3-5 นาที) ซึ่งจะไม่แสดงพร้อมกันทั้ง 4 ล้อ จะค่อยๆ โผล่ออกมาทีละล้อ สองล้อ จนครบทั้ง 4 ล้อภายในเวลาไล่เลี่ยกัน

Nissan Altima L33 Tyre Pressure Monitoring System (ระบบวัดลมยางภายในรถยนต์)
ระบบวัดลมยาง ของ นิสสันอัลติม่า L33 รุ่นที่ขายใน สหรัฐอเมริกา ทั้ง 4 ล้อ หน่วยเป็น PSI

ความคิดเห็นส่วนตัว

“ระบบวัดลมยางภายในรถยนต์ เป็นระบบที่ผมชอบที่สุด และได้เห็นระบบนี้ เพราะความบังเอิญ เนื่องจากรถที่เช่ามาลมยางล้อขวาหลังดันอ่อน ลงไปเหลือ 25 PSI ระหว่างที่ขับอยู่มันเลยแจ้งเตือนในส่วนของระบบแจ้งเตือนข้อผิดพลาดในรถยนต์ (Warning System) พอได้กลับไปเติมลมยางใหม่อีกครั้งที่ปั้มน้ำมัน ในระดับแรงดัน 37 PSI เท่ากันหมดทุกล้อ พอขับไปได้สักพัก (1-2 วัน) ลมล้อขวาหลังก็อ่อนลงอีก เหลือ 32 PSI ทั้งๆ ที่ล้ออื่นยังประมาณ 36-37 PSI (ดูรูปด้านบนประกอบ) นั่นหมายความว่ายางรั่วแน่นอน จึงขับรถไปที่ศูนย์ให้บริการเช่ารถ เขาจึงเปลี่ยนเป็น นิสสันอัลติม่า คันใหม่ให้ทันที”

บทสรุป หลังการใช้งาน Nissan Altima L33 (เวอร์ชั่นอเมริกา)

ในส่วนนี้จะเป็นการสรุปการใช้งานเฉพาะที่เปรียบเทียบระหว่าง นิสสันอัลติม่า L33 (Nissan Altima) ในเวอร์ชั่นที่ขายในอเมริกา กับ นิสสันเทียน่า L33 (Nissan Teana) ที่ขายในประเทศไทย เท่านั้น ซึ่งจะไม่ใช่การบอกเล่า ข้อดี ข้อเสีย ของรถรุ่นแบบภาพรวม หากต้องการอ่านภาพรวมจริงๆ จะอยู่ที่ บทสรุป Nissan Teana L33 สามารถกดเข้าไปอ่านได้เลย

ข้อดี 🙂

  • ระบบวัดลมยางภายในรถยนต์ (Tyre Pressure Monitoring System)
  • ความรู้สึก ประหยัดน้ำมันเหมือนเดิม โดยที่ไม่มีระบบ ECO

ข้อเสีย 🙁

  • ให้ล้อขอบกระทะ 16 นิ้ว (ไม่ใช่ล้อแม็กซ์)
  • ไม่มีช่องแอร์ สำหรับ ผู้โดยสารด้านหลัง
  • กระจกมองข้างไม่สามารถพับเก็บได้
  • ไม่มีระบบ ECO ช่วยประหยัดน้ำมัน
  • ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone iPod ได้
  • ไม่มีเซ็นเซอร์ถอยหลัง กล้องรอบคัน
  • เสียงเครื่องดังมาก เวลาเหยียบเร่งคันเร่ง (จากที่เปลี่ยนรถมา 2 คันก็มีเสียงดังขณะเร่งเครื่องทั้ง 2 คัน)

ความคิดเห็นส่วนตัว

จากที่ได้ลองใช้ ลองขับมาทั้ง 2 เวอร์ชั่นทั้งในอเมริกา และ ในประเทศไทย พบว่าคนไทยชอบหรูหรา ออปชั่นเยอะๆ ลูกเล่นเยอะๆ แบบนี้ แต่คนอเมริกันจะเน้นการใช้งานเป็นหลัก ออปชั่นไม่ต้องเยอะ ขอแค่ใช้งานได้ ตอบโจทย์ วัตถุประสงค์ความต้องการ การใช้งานของเขาก็พอ ซึ่งจากที่สังเกตุดู ไม่ใช่แค่ยี่ห้อนิสสัน ที่เป็น ยี่ห้ออื่นๆ ลักษณะการให้ออปชั่นต่างๆ ก็เป็นแบบนี้ด้วยเช่นกัน

19 ความคิดเห็น

  1. เจ 32ผมใช้ยุคับ ในเมืองซดน้ำมันแหลก
    ตจว.ดีกว่าคับ เบาะนิ่มดีขับทางไกลสบาย
    สรุปใช้ขับระหว่างเมืองดีมาก ใช้ในเมืองขับลำบากครับเพราะรถบอดี้หญ่มาก.

  2. เห็นพุดถึงความเงียบ ผมคนนึงครับ ที่ลืมดับรถในห้างมาแล้ว เงียบจริง ๆ ครับ

  3. เบาะรุ่นปัจจุบัน แข็ง มีอะไรพาดใต้เบาะทำให้บริเวณขาท่อนบนนั่งเจ็บทรมานมากมาก และปลายเบาะโง้มและแข็งนั่งแล้วเจ็บ

  4. คุณเก่งมากๆเลยครับ

    พอจะมีตัวอย่างหมายเลขตัวรถ Nissan L33 มัยครับ? และรายละเอียดแต่ละหลักแต่ละตัวเลข เหมือนพวก Honda หรือ Toyota นะครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

  5. ปัญหาส่วนมากที่เห็นผู้ใช้เจอกันคือเรื่อง ยางดังมาก ภายในไม่ได้เงียบอย่างที่พูดๆกัน ทำไมไม่เห็นมีคนรีวิวคนไหนพูดถึงเรื่องนี้กันนะ

  6. รีวิว ดีมากครับ ดูตอนตัดสินใจซื้อรถ จองรถไปแล้วก็ยังมาดู ระหว่างรอรถก็ยังดู ตอนนี้ใกล้ได้รถมาลองมั้งแล้วครับ เสียดายที่ไฟหน้าไม่ใช่ซีน่อน ไม่มีไฟ daylight แต่ผมว่าจะไปติดอยู่แล้วหลังใช้ไปสักพัก

    • อีกอย่าง เสียดายจัง ไม่มีตัวอย่าง เสียงเพลง ของลำโพง L33

  7. ได้ความรู้ทะลุปรุโปร่งเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่สละเวลานั่งคีย์ให้เป็นสาธารณะประโยชน์

  8. ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเยอะเลยครับ
    แต่ว่าผมจะติดตามอ่านต่อภาคสองได้ที่ไหนครับ

  9. ขอบคุณมากครับ ดีมากครับ กำลังจะได้มาเหมือนกันรุ่นสีเดียวกันครับ
    ไม่ทราบว่าซื้อที่หุ้มพวงมาลัยที่ไหนครับ

    ขอบคุณครับ

    • ขอบคุณคร้าบที่เข้ามาอ่านรีวิว ส่วนที่หุ้มพวงมาลัยผมซื้อมาจากโลตัส มั้งครับ ไม่ยากครับ ลองเดินหาดูตามห้างฯ พวกแผนกประดับยนต์ได้เลยครับผม

      • ขอบคุณครับ ที่ซื้อยี่ห้อนี้ รุ่นนี้ สีนี้ ส่วนนึงก็เพราะอ่านบทความนี้ครับ

        ขอบคุณมากครับ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็น
กรุณาใส่ชื่อของคุณตรงนี้